Superfood เทรนด์อาหารสำหรับคนรักสุขภาพ

เทรนด์อาหารสำหรับคนรักสุขภาพ (Superfood)

ปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีและต้านทานโรคภัยไข้เจ็บได้ดีขึ้น ซึ่งอาหารกลุ่มโภชนาการสูงดังกล่าว จะมีคำศัพท์หนึ่งที่ใช้เรียกกัน นั่นก็คือคำว่า “Superfood” หลายๆคนอาจเคยผ่านตากับคำนี้มาบ้างแล้ว หรือบางคนอาจเคยรับประทาน Superfood เข้าไปแล้วโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบทความนี้จะมาขยายความคำว่า Superfood ให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

Superfood คืออะไร?

หากแปลตรงตัว Superfood ก็คือ “สุดยอดอาหาร” ซึ่งหมายถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ โปรตีน และกรดไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีข้อกำหนดที่แน่นอนว่าอาหารชนิดใดบ้างที่ถูกจัดว่าเป็น Superfood โดยส่วนใหญ่ Superfood มักเป็นจำพวกผัก ผลไม้ ธัญพืช นม และเนื้อสัตว์บางชนิด ที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณสูงๆ และจุดสำคัญที่มักบ่งบอกว่าอาหารนั้นเป็น Superfood คือ มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นองค์ประกอบ อาจกล่าวได้ว่า สารต้านอนุมูลอิสระ เป็นสิ่งสำคัญใน Superfood ที่ทุกคนต้องการเลยก็ว่าได้ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะมีหน้าที่คอยจัดการกับอนุมูลอิสระ(Free radicals) ต่างๆที่เข้าสู่ร่างกาย ที่มีผลทำให้เซลล์ในร่างกายของเราเสื่อมลงจนเกิดความผิดปกติ จนเป็นสาเหตุของโรคต่างๆมากมาย เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น โดยสารต้านอนุมูลอิสระส่วนใหญ่มักพบอยู่ในผลไม้หลายชนิด ซึ่งก็จะมีคำศัพท์ย่อยสำหรับเรียกผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอีกหนึ่งคำด้วยว่า “Superfruit” อันได้แก่ ผลไม้กลุ่มเบอร์รี่ต่างๆ เช่น สตรอเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และผลไม้อื่นๆเช่น ทับทิม พีช กล้วย อะโวคาโด เป็นต้น

Superfood ที่เรารู้จักกันดีมีอะไรบ้าง

• ไข่ จัดเป็นอาหารที่มากด้วยคุณประโยชน์ชนิดหนึ่ง เพราะมีโปรตีนคุณภาพสูง และมีสารอาหารที่สำคัญอื่นๆอีกมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี ธาตุเหล็ก โคลีน ฟอสฟอรัส อีกทั้งยังมี ลูทีน(Lutein) และซีแซนทีน(Zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องสุขภาพดวงตาและเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น
• ปลาแซลมอน เป็นปลาทะเลน้ำลึกที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง มีกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพคือ Omega-3 ในปริมาณสูง และยังมีวิตามินบีและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ เช่น ซีลีเนียมและโพแทสเซียม อีกทั้งยังมีสารแอสต้าแซนทีน(Astaxanthin) หรือสารที่ให้สีแดงแก่เนื้อปลา ซึ่งเป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีชนิดหนึ่ง การรับประทานแซลมอนจึงเป็นผลดีต่อสุขภาพในหลายๆด้าน เช่น ช่วยบำรุงสมอง ลดอาการอักเสบ และลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและโรคหัวใจ เป็นต้น
• ผักใบเขียวต่าง ๆ ผักใบเขียวหลายชนิดจัดเป็น Superfood เช่น ผักโขม ผักบุ้ง ผักคะน้า ปวยเล้ง ผักกาดหอม เป็นต้น เนื่องจากเป็นแหล่งของใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม เหล็ก โฟเลต สังกะสี และแมกนีเซียม รวมถึงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี ได้แก่ คลอโรฟิลล์ แคโรทีนอยด์ และสารโพลีฟีนอลชนิดต่างๆ ที่จะช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์อันเกิดจากอนุมูลอิสระที่เข้ามาในร่างกายได้ และช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคต่างๆได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
• ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ไม่ว่าจะเป็น สตรอเบอรร์รี่ บลูเบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ หรือผลเบอร์รี่ชนิดอื่นๆ ต่างก็มีสารอาหารที่สำคัญมากมาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่สูงมาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆได้ เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ลดการอักเสบต่างๆ นอกจากนี้ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดอีกด้วย
• ธัญพืชต่าง ๆ เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ข้าวสาลี เป็นต้น ล้วนอุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร โดยธัญพืชแต่ละส่วนอาจมีคุณประโยชน์ต่างกัน เช่น จมูกข้าวเป็นแหล่งของไขมันดี วิตามินบี วิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วนในเมล็ดข้าวเป็นแหล่งของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และใยอาหาร เป็นต้น ในธัญพืชบางชนิด เช่นข้าวโอ๊ต มีสารอาหารที่มีประโยชน์สูงมาก มีโปรตีนคุณภาพสูงเทียบเท่ากับโปรตีนจากถั่วเหลืองและเนื้อสัตว์ และมี เบต้า-กลูแคน (Beta-Glucan) ซึ่งเป็นใยอาหารสำคัญที่ช่วยลดอัตราการย่อยแป้งและการดูดซึมน้ำตาลในระบบทางเดินอาหาร เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดอีกด้วย
• อัลมอนด์ เมล็ดอัลมอนด์จัดเป็นพืชตระกูลถั่วที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ประกอบไปด้วยโปรตีน ใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงกรดไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกาย นอกจากนี้ในผิวสีน้ำตาลของเมล็ดอัลมอนด์ยังมีสารโพลีฟีนอลในปริมาณสูง ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี การรับประทานอัลมอนด์เป็นประจำจึงมีส่วนช่วยในการป้องกันและลดภาวะการเกิดโรคต่างๆได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด
• ชาเขียว แม้เป็นเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนผสมอยู่บ้าง แต่ชาเขียวก็มีสรรพคุณทางยามากมาย เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสะและสารโพลีฟีนอลที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ดี ชาเขียวเป็นชาที่มีปริมาณคาเทชิน(Catechins) อยู่สูงมาก ซึ่งคาเทชินเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง อาทิ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจและโรคหลอดเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดความอ้วน ต้านไวรัส ลดการอักเสบ เป็นต้น แต่การรับประทานชาเขียวควรทานแต่พอเหมาะ เนื่องจากมีคาเฟอีนจึงอาจทำให้นอนไม่หลับได้ และผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหารไม่ควรดื่ม
• อะโวคาโด เป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ประกอบไปด้วยใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุหลายชนิด รวมถึงมีกรดโอเลอิกซึ่งเป็นไขมันดีชนิดหนึ่งที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ นอกจากนี้การรับประทานอะโวคาโดยังช่วยลดความเสี่ยงต่อกลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคหัวใจได้อีกด้วย

ทั้งนี้ แม้อาหารบางชนิดจะถูกเรียกว่า Superfood แต่ผู้บริโภคควรตระหนักว่า อาหารเพียงชนิดเดียวไม่อาจทำให้มีสุขภาพดีหรือช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้ และอะไรที่มากเกินไปมักไม่ดีต่อร่างกาย เพราะการรับประทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้อ้วนหรือเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคและภาวะต่างๆ ได้ ดังนั้น จึงควรรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ในปริมาณที่พอเหมาะเสมอ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมากที่สุด